นายเทพนม อินทร์จักร
ชื่อเล่น เหมียว
อายุ 21 ปี
คณะวิทยาศาสตร์ เอกวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต
ความรู้สึกกับการฝึกงานที่กระจกเงา
ขอเล่าตั้งแต่ยังไม่ได้ไปถึงกระจกเงานะครับ ก่อนหน้านั้นผมเคยไม่ได้คิดอะไร ใช้ชีวิตแบบไม่สนใจอะไร นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ เรียนก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่ ที่ผมมาฝึกงานที่กระจกเงาได้นั้น ก็มาได้เพราะเพื่อนตัวผมนั้นยังไม่รู้เลยว่าจะไปที่ไหน จะไปทำอะไร (มาได้เพราะเพื่อนอีกคนนึงเค้าเข้าไปดูเว็บ แล้วก็ได้ติดต่อเข้ามาหาพี่ จรัญ ผมแค่ไม่รู้จะไปไหน เหมือนกับว่าตามเพื่อนมาเฉยๆนะครับ (นี่คือเรื่องจริงเลย))
วันแรกที่เข้าไปถึงกระจกเงา ผมแจ็คแล้วก็โพงเราทั้ง 3 คน ก็ใส่ชุดนักศึกอย่างเต็มยศมาเลยครับ (ผูกไทซะแน่มาก) ความรู้สึกของพวกผมก็คือไหนๆก็จะไปฝึกงานกันแล้วก็เลยแต่งตัวกันให้ดีสักหน่อยนะครับ อยู่มหาลัยไม่เคยผูกไทกันเลยครับ เข้าไปถึงห้องของสำนักงานวันแรกผมจำได้ เจอพี่บอยเป็นคนที่ทักทายพวกผมเป็นคนแรก เพราะแกนั่งอยู่ข้างๆประตูทางเข้า ปัจจุบันก็ยังไม่ได้เปลี่ยนยังนั่งอยู่ที่เดิม สิ่งที่ได้ทำในวันแรก ก็ได้คุยกับพี่เกดเรื่องพื้นฐานที่ได้เรียนมา และอยากเรียนรู้อะไรบ้างจากกระจกเงา พวกผมก็เขียนกันใหญ่เลย (ทั้ง 3 คน ไม่มีพื้นฐานอะไรเลย มาแบบ blank มากๆ คิดในใจแค่เค้าให้ทำๆไปก็แล้วกัน) แล้ววันนั้นเราก็กลับบ้านกันตรงเวลามาก 6โมงตรงก็กลับกันเลย
พอเช้ามาวันที่ 2 ของการไปฝึกงาน ตอนแรกที่ผมกับ แจ็ค โพง ก็จะมาด้วยกัน โดยนัดกันเจอที่ท่าเรือเดอะมอล์บางกะปิเพื่อขึ้นเรือมาที่ทำงาน แล้วเช้าวันนั้นก็มีการพูดคุยกันนิดหน่อย เรื่องการดินทาง ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่ากิน พูดกันพูดหันมาสักพักหนึ่งเหมือน พวกผมทำท่าจะไม่เอากันแล้ว คือจะไปฝึกกันต่อ ประกอบกับ แจ็คกับโพงมันถูกเพื่อนฝังหัวมาด้วยอีก ว่าค่ายใช้มันมาก ตังจะกินยังไม่ค่อยจะมีกัน ก็เลยไปกันใหญ่ แต่ผมก็พูดขึ้นมาว่า ไปฝึกที่ไหนันก็ใช้ ต้องจ่ายเรื่องพวกนี้เหมือนกัน เพื่อนเราคนอื่นที่ฝึกเค้าก็ต้องจ่ายเหมือนกับเรานี่แหละ และก็ไม่ได้ตังค่าไปฝึกงานด้วยเหมือนกับเรา และผมก็พูดต่อไปว่าไหนๆก็ไปกันแล้วนิ ไปแล้วก็ลองทำดูให้มันเต็มที่ก่อน ไม่ใช่ยังไม่รู้อะไรแต่ก็จะหันหลังให้ซะแล้ว ถ้าไม่ไหวจริงๆเราก็ค่อยว่ากันอีกที ในที่สุดแจ็คกับโพงก็มากับจนได้ แล้วเราก็ขึ้นเรือตอน 9 โมงเช้า ไปถึงที่ทำงานก็เกือบๆ 9โมงครึ่งแล้ววันพอไปถึง วันนั้นพวกเราต่างก้ได้รับมอบหมายงานให้ทำกัน จากพี่เจี๊ยบ วันนั้นรุ้สึกเหมือนจะได้เรียน คำสั่งพื้นฐานของ php ก่อน แล้วพี่เกดก็มอบหมายให้ดูเครื่องที่มันเสียเครื่องนึงด้วย (เป็นเครื่องที่ผมใช้มาตลอด) เครื่องนั้นก็แค่ซื้อฮาดิสมาใส่เองครับ เพราะมันไม่มีฮาร์ดดิส พอทำงานเสร็จในวันที่ 2 นี้ พวกผมก็เริ่มมีกำลังใจกันมากขึ้นเพราะได้ทำงานกันจริงๆ ผมบอกกับเพื่อนๆ(เริ่มสนุกแล้ววะ ถ้าเกิดไม่มาวันนี้คงเสียโอกาสมาก)
ความรู้กับการทำงานที่กระจกเงา ตอนแรกที่ผมเข้ามานั้น ไปแบบไม่มีอะไรติดตัวไปสักเท่าไรเลย แต่ผมรู้สึกดีมากที่ได้มาฝึกงานที่นี่ เหมือนได้เปิดความคิดของตัวเองให้กว้างขึ้น เริ่มรุ้ว่าตัวเองควรต้องทำอะไรบ้าง การทำงานที่ต้องทำเป็นระบบ คิดอย่างเป็นระบบ (เริ่มคิดได้มาขึ้น) เหมือนอย่าง php ก็ได้รู้แนวทางในการที่จะไปศึกษาต่อเองได้มาก รู้ว่าขั้นตอนของการศึกษาควรจะไปในทางไหน และที่สิ่งที่ผมได้กลับจากที่นี่มีหลายสิ่งมากทั้งเรื่องการทำงาน ความเป็นกันเองทุกคนเป็นกันเองมาก ทำให้ได้รุ้จักทุกคนเร็วมาก แต่สิ่งที่ผมทำให้กระจกเงานั้นผมลองมาคิดๆดุเหมือนจะไม่ทำอะไรให้เท่าไรเลย ที่เห็นเป้นรูปเป็นร่างจริงๆ ก็ได้แค่ ไปซื้อของที่พันทิพย์ เอาของไปเครม ซื้อคอมมาให้สำนักงาน เดินสายแลนด์เข้าหัวสาย (ผมว่าผมทำได้ดีก็เดินสายเข้าหัวสายนี่แหละ) เรื่องยังทำอะไม่ค่อยจะได้เลย แต่มิ่งที่ผมได้กลับมานั้นมันมากกว่าสิ่งที่ผมให้ซะอีก เหมือนมีชิวิตใหม่อีกที ขอบคุณมากครับ
ความประทับใจ ผมประทับพี่เจี๊ยบมาก พี่เจี๊ยบมีอะไรก็จะสอนหมด ถามได้ทุกเรื่องแล้วก็อธิบายให้ฟังหมด(แต่ผมโง่เองที่จำไม่ค่อยจะได้)
ชอบพี่โอมมาก คุยกับพี่โอมแล้วสนุกถูกคอมาก แล้วก้ทำให้รู้สิ่งหนึ่งเพิ่มขึ้นจากพี่โอมว่าคนเราอยู่ที่ตั้งใจจะศึกษา เพราะพี่โอมเองก็ไม่ได้จบมาทางนี้โดยตรง แต่ก็ยังทำได้
พี่เกดจะชอบดุพวกผมทั้ง 3 คนเวลาที่ยังไม่ได้ส่งงานตอนเช้า ส่ง todo ประจำสัปดาห์ พี่เกดมักจะพูดว่าต้องคอยให้พี่ตามอยุ่เรื่อยเลย (แต่พวกผมก็ผิดจริงๆ ยอมรับผิดครับ)
พี่นู๋หริ่ง เป็นคนที่มีความรู้กว้างมาก พุดเรื่องไหนก็ได้ผมเห็นแกอิบายได้หมด
จะพูดถึงทุกคนก็คงไม่หมดนะครับ
ประทับใจทุกคนในกระจกเงามากครับ ทุกคนให้ความเพื่อนกันเอง สนิทสนมกันมาก มากที่ทำให้ผมมีความคิดใหม่ขึ้นว่า การที่จะก้าวออกที่ไหนสักที่หนึ่ง ต้องมีอะไรติดตัวเราไปบ้าง
|