ช่วงเวลาในกระจกเงา
 |
|
นักศึกษาฝึกงานโครงการ สถาบันเด็กทำสื่อ
นางสาวสุวนาถ ทองสองยอด ( แบ็ค )
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาลัยเขตปัตตานี |
ฝึกที่ไหนดี เป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจเมื่อเกิดอารมณ์อยากฝึกงานขึ้นมา แล้วฉันก็ได้คำตอบเมื่อฉันเปิดเมลล์นักศึกษาดู ปรากฏว่ามีเมลล์จากท่านคณบดี ส่งมาแนะนำสถานที่ฝึกงานที่หนึ่ง มูลนิธิกระจกเงา ฉันเกิดความสนใจขึ้นมาทันที เพราะเห็นว่าระดับท่านคณบดีแนะนำนี่ แสดงว่า ที่นี่ต้องมีดี... ฉันก็เลยลองไปเปิดเวบดู ทำให้รู้ว่าที่นี่ไม่ได้รับนักศึกษาฝึกงานแบบธรรมดานะ แต่รับนักศึกษา ( บ้า ) ฝึกงานเชียว อีกอย่างฉันก็เห็นว่ามีการทำเป็นโครงการซะด้วย ก็เลยคิดว่าน่าจะได้อะไรมากกว่า จึงตัดสินใจมาฝึกงานที่นี่ แถมยังหาแนวร่วมมาด้วยอีกคน แบบว่าเอาไว้กันผี ( อิ ๆ ) อย่างสุภาษิตไทยเคยว่าไว้ คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย
20 มีนาคม พ.ศ 2550 กำหนดวันที่จะมาฝึกงานวันแรก ขอบอกว่าตื่นเต้นมาก ๆ นอนไม่หลับ จำได้ว่าวันนั้นตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 อีกอย่างกลัวจะไปสายด้วย ประมาณว่าวันแรกต้องดูดีหน่อย วันนั้นแต่งตัวชุดนักศึกษาซะเต็มยศ เรามาถึงที่ฝึกงานก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง พอลิฟท์ถึงชั้น 9 พวกเราก็เจอป้ายมูลนิธิกระจกเงา แต่ก็ยังลังเลไม่กล้าเข้าไปเพราะดูเงียบ ๆ ไม่รู้จะมีใครมาหรือยัง ในที่สุดก็ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปด้วยความไม่มั่นใจนัก พอเข้าไปก็เจอพี่โอ๋ พี่โอ๋เรียกพวกเราให้เอาเอกสารไปกรอก วันนั้นจำได้ว่ายังมีเพื่อนนักศึกษามาอีก 2 คน ก็คือ แมนกับที นั่นเอง ตอนแรกไม่กล้าคุยเท่าไหร่ เพราะเห็นสองคน เค้าดูเงียบ ๆ ขรึม ๆ ดูคงแก่เรียนมากๆ ก็ใส่แว่นกันทั้งสองคนเลยนี่นา คิดว่าคงจะเป็นผู้ชายเรียบร้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทำให้ฉันรู้ว่าฉันวาดภาพพวกเขาผิดไป โดยเฉพาะ ท่านประธานแมน นี่ ผิดคาดมาก ๆ ( 555 )
วันแรกของการฝึกงานเริ่มด้วยการปฐมนิเทศ โดยคุณพี่จรัญ ขอบอกว่า แว๊บแรกที่เห็นพี่จรัญนึกถึงหน้าหม่ำ ทันทีเลย ก็แหมเพิ่งไปดู บอร์ดี้การ์ด หน้าเหลื่อม 2 มา มันเลยติดภาพ ( อิ ๆ ) การปฐมนิเทศ ผ่านไปเรียบร้อย ฉันได้เข้าร่วมการประชุมเช้าด้วย ตอนแรกก็งง ๆ ว่ามันคืออะไร แต่อย่างหนึ่งที่ฉันรู้สึกได้คือความเป็นกันเอง เป็นพี่น้อง ดูสบาย ๆ ทำให้ไม่เกร็งมากนัก หลังจากประชุมเช้าเรียบร้อย พวกเราก็เข้าไปที่โครงการ Media ได้รู้จักพูดคุยกับพี่ ๆ ในโครงการ และได้รู้จักเพื่อน ๆ สรุปว่าในโครงการมีนักศึกษาฝึกงาน 7 คน คือ ตั้ม อ๊อฟ เอ็ม กอล์ฟ ดา เอ็นด์ และข้าพเจ้าเอง อยู่กันอย่างอบอุ่นมาก บริเวณของโครงการแคบไปถนัดตา ( อิ ๆ )
จากวันนั้น จนถึงวันนี้เป็นเวลาเดือนกว่าแล้ว ที่ฉันเป็นนักศึกษาฝึกงานอยู่ที่นี่ แม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ แต่การฝึกงานที่นี่ ทำให้ช่วงเวลาปิดเทอมของฉันมีคุณค่ามากขึ้น ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์มากขึ้น ฉันได้ทำ ได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง ที่หาไม่ได้จากในห้องเรียน ฉันได้นำความรู้ที่เรียนมาลองใช้ทำงาน มันทำให้ฉันรู้ว่าเวลาเรียนกับเวลาทำ มันต่างกันมาก เพราะแค่เรารู้อย่างเดียวไม่พอ แต่เราต้องทำมันให้ได้ สำหรับโครงการ Media เป็นโครงการที่สนับสนุนให้เด็กได้ทำสื่อ เพื่อการเรียนรู้และเท่าทันสื่อ ไม่ว่าจะเป็นเด็กในชุมชนแออัด เด็กในโรงพยาบาล เด็กในสถานพินิจ สำหรับฉัน ฉันคิดว่าเป็นโครงการที่ดีมาก ๆ การเรียนรู้ที่เกิดจากการได้ปฎิบัติมันจะทำให้เข้าใจเข้าถึงสิ่งนั้นได้มากว่าการเรียนรู้ผ่านการสอน การบอก มากนัก ส่วนที่ฉันประทับใจมากที่สุด
|
|
|

|
|
|
|
|
เห็นจะเป็นการทำสื่อของน้อง ๆ ที่บ้านกาญ ฯ ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน บ้านกาญจนาภิเษก พวกเขาเหล่านี้ ทำให้ภาพของเด็กในสถานพินิจ ของฉันเปลี่ยนไป พวกเขาทำให้ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะต้องเป็นเยาวชนที่ดีมีคุณภาพได้อย่างแน่นอน ถ้าเพียงเขาได้รับโอกาสจากคนในสังคม ฉันเชื่อย่างนั้นจริง ๆ นะ
นอกจากในส่วนของโครงการ Media แล้ว ฉันยังมีโอกาสได้สัมผัสกับงานโครงการอื่น ๆ ด้วย ฉันได้เป็นอาสาสมัคร ไปเล่นกับน้อง ๆ ที่โรงพยาบาลเด็ก กับโครงการโรงพยาบาลมีสุข มันทำให้ฉันมีสุขจริง ๆ ฉันรู้สึกว่าการที่เราได้ทำอะไรเพื่อคนอื่น แม้เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย มันทำให้เรารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ฉันยังจำรอยยิ้มของน้อง ๆ ได้เป็นอย่างดี มันทำให้ฉันยิ้มออกทุกครั้งที่นึกถึง
ในความคิดของฉัน การฝึกงานที่นี่ ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันได้กำไรกว่าคนอื่น ๆ ที่ไปฝึกงานตามบริษัทที่เป็นองค์กรธุรกิจนะ เพราะนอกฉันจะได้อะไรกับตัวเองแล้ว ฉันยังมีโอกาสได้ให้อะไรกับคนอื่นบ้าง แม้มันจะไม่มากนัก แต่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกดี และก็คิดว่า นี่แหละ คือความพิเศษของการฝึกงานที่นี่ มูลนิธิกระจกเงา
สุดท้ายที่ฉันอยากจะเขียนถึง สำหรับการฝึกงานในครั้งนี้ คือมิตรภาพที่ดีจากพี่ ๆ เพื่อน ๆ นักศึกษาฝึกงานทุกคน มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันจะบันทึกไว้ในความทรงจำ ตลอดไป .....
|